Reviews Royal India

I have been here for several times in the past 15 years and never been upset. Great food with excellent service. Highly recommended.

Authentic Indian food with an affordable price and delicious curry. The restaurant is spotless and well decorated. If you have a time check it out!

อาหารอร่อยมากค่ะหอมเครื่องเทศรสชาติเข้มข้นมากค่ะอร่อยทุกครั้งที่มากินค่ะได้ใจไปเต็มร้อยเลยค่ะ

Super! I didn't expect to be this delicious. Indian food at its best. Highly recommended.

ชอบมากกกกกกกกกกกก. อร่อยสุดๆ เนื้อแพะดีเลิศนุ่มสุดๆ ไม่มีกลิ่นเลย และไก่ก็นุ่มนิ่มมาก สั่งอาหารไม่นานก็ได้อาหาร �����

อาหารอร่อย ข้าวผัดเหลืองหอมเครื่องเทศ พนักงานที่ร้านน่ารักทุกคนเลย

“Royal India” ร้านอาหารอินเดียแห่งแรกของไทย… ผลพวงแห่งการล่มสลายของ “อาณาจักรพระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน” เหตุเกิดช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ไม่นานหลังจาก “อังกฤษ” เริ่มรู้ตัวว่าบารมีตก กลายเป็นแค่พระรองตัวประกอบให้ “อเมริกา” จิ้กโก๋คุมซอย พี่เบิ้มคนใหม่ ยังไงก็ต้องปล่อยดินแดนชมพูทวีปที่กระแสเรียกร้องเอกราชรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ นำโดย “มหาตมะ คานธี” ที่จบกฎหมายมาจากประเทศอังกฤษเอง ดินแดนแถบนั้นถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิอังกฤษเรียกว่า “British Raj” โดยยึดมงกุฎจาก “Bahadur Shah 2” จักรพรรดิแห่งราชวงศ์โมกุลคนที่ 20(แถมยังขับไล่เนรเทศให้ไปอยู่ที่ “พม่า”*) แล้วส่งมอบมงกุฎต่อให้ “Queen Victoria” กลายเป็นส่วนหนึ่งของ “จักรวรรดิ์อังกฤษ” อย่างสมบูรณ์ (* ที่ตลกร้าย คือ “พระเจ้าธีบอ” กษัตริย์พม่าถูกริบบัลลังก์แล้วให้ไปอยู่ “อินเดีย” ส่วน “จักรพรรดิอินเดีย” ก็สลับให้มาอยู่ “พม่า” ครับ) หลังจากนั้นด้วยคนอินเดียมีมากมายมหาศาล จะปกครองตรงๆคงไม่ไหว เลยออกแบบคิดนโยบาย “Dived and Conquer” หรือ “แบ่งแยกแล้วปกครอง” โดยแบ่งแยกดินแดนเป็น แคว้นเล็ก แคว้นน้อย ตั้ง “มหาราชา” เยอะแยะ ยุให้ทะเลาะกันจนคานอำนาจกันเอง ทำให้ปกครองด้วยทหารจำนวนไม่มากนัก British Raj อยู่นานรวม 139 ปี จนกระทั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี พศ 2450 ซึ่งตรงกับรัชสมัยของ “จอร์จที่ 6”(พระราชบิดาของ ”อลิซาเบธที่ 2”) โปรดให้ “ลอร์ด เมาท์แบตเทน” ผู้สำเร็จราชการของ “British Raj” เป็นคนจัดการเรื่องให้เอกราชทั้งหมด สมัยนั้น British Raj มีประชากรอยู่ 400 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นฮินดู แต่ 1 ใน 4 เป็นอิสลาม ท่านลอร์ดคงอยากจะรีบกลับบ้านเลยตัดสินใจง่ายๆ แบ่งดินแดนทั้งหมดเป็น 2 ประเทศ ใช้ศาสนาเป็นเกณฑ์ เร่งรีบขีดเส้นแบ่งประเทศใช้เวลาแค่ 5 สัปดาห์ พอประกาศว่าเส้นพรมแดนอยู่ไหน มันกลับกลายเป็นชนวนความขัดแย้งของทั้ง “อินเดีย”(ฮินดู) และ “ปากีสถาน”(อิสลาม) จนถึงทุกวันนี้ ถือเป็นโศกนาฏกรรมเลวร้ายสุดครั้งหนึ่งของโลก ปรากฎว่า คน ”อินเดีย” ไล่ฆ่า “อิสลาม” ส่วน “ปากีสถาน” ก็ไล่ฆ่า “ฮินดู” เหมือนกัน เกิดความชุลมุน มีคนหนีภัยข้ามประเทศกันไปมาราว 12 ล้านคนในเวลาแค่ไม่กี่เดือน มีฆ่ากันตายไปราวล้านคน ผู้หญิงหลายหมื่นคนถูกลักพาตัวไปทรมานทรกรรม! ช่วงนี้เองหล่ะครับ ที่มีคนอินเดียมากมายล่องเรือลี้ภัยมายังเมืองไทยของเรา ส่วนใหญ่ก็รวมตัวกันตั้งรกรากกันแถว “พาหุรัด” จนกลายเป็น “India Town” ของไทยเรา “Royal India” เปิดขึ้นที่ “พาหุรัด” ในช่วงนี้ ถือเป็นร้านอาหารอินเดียแห่งแรกของไทย ตัวผมเองรู้จักมาหลายสิบปีแล้วตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมอยู่แถวๆ เชิงสะพานพุทธ กลับมาวันนี้เค้ายังทำได้รสชาติเด็ดเหมือนเดิม เมนูแรกสั่งเป็นถาด คือ Non Vegetarian Thali สำหรับคนไม่ทานมังสวิรัติ ให้มาอย่างละเล็กละน้อย ทั้ง แกงถั่ว แกงกระหรี่ไก่ โยเกิร์ต เพียงแต่ขอเปลี่ยนโรตีให้เป็นแป้งนานร้อนๆของโปรด! ที่สำคัญ เค้าจะให้ “Chicken Leg Tandoori” น่องไก่ย่างหมักด้วยโยเกิร์ต หอมกลิ่นเครื่องเทศคล้ายๆ ไก่ย่างบ้านเราแต่รสจัดกว่า มาด้วยหนึ่งน่อง เลยต้องสั่ง “ไก่ย่างทันดูรี” (Tandoori Chicken) อกไก่หมักเครื่องเทศย่างในเตาทันดู(โอ่ง) ชุ่มฉ่ำด้วยเนยบริสุทธิ์หรือกี(Ghee)มาเพิ่ม แล้วเสริมด้วยแกงกระเจี๊ยบเมนูโปรดที่รสชาติเหมือนไปทานที่ปัญจาบเลย ถ้าสั่งเป็นชุดถาด เค้าจะแถมขนมยอดนิยม “Gulab Jamun” ที่ทำจากแป้งผสมนมปั้นเป็นก้อนเอาไปทอดด้วยเนยราดน้ำเชื่อม ส่วนตัวไม่ค่อยปลื้มเท่าไหร่เพราะหวานเกินแนะนำให้สั่งคู่กับน้ำชา ครับผม #โนบิตะชวนชิม

ถูกใจให้รัวๆ กับอาหารอินเดียมื้อแรกที่ได้รับประทาน กับร้านพอดีพี่ที่ไปด้วยเขาแนะนำร้านนี้ คือเด็ด คือดี เราเข้าไปครั้งแรกแบบงงๆ แต่อาหารที่สักมาหมดทุกจาน ทั้งคาวหวาน บรรยากาศร้านอบอุ่น สงบ

ตามรีวิวยูทูปเบอท่านนึง เค้าบอกราสมาลัยร้านนี้เด็ด ..ขนมอินเดียที่เข้าใจคนไทยสุด.. กินมันทุกร้านย่านนี้ ร้านนี้ยอมรับว่าเด็ดจริง ราคาต่างจากร้านอื่นนิดหน่อย มีห้องแอร์ให้นั่ง ร้านกำลังทำเพิ่มเพื่อให้เห็นวิวคลองโอ่งอ่างทะลุอีกด้าน รอร้านปรับปรุงเสร็จจะไปกินอีกรอบ โดนใจ 😍