J'AIME by Jean-Michel Lorain (โรงแรมยู สาทร) ปิดดีลสุดท้ายของ BRW2019 ที่ร้านอาหารฝรั่งเศสระดับมิชลินสตาร์ ตั้งใจมาชิม "นโปเลียน" ของหวานชื่อดังที่สืบทอดกันมาหลายรุ่น
ดีลราคา 1599+ เป็นอาหาร 3 คอร์สพร้อมชากาแฟ
〰️ล็อบสเตอร์ บิสต์ เสิร์ฟแบบคาโบนาร่ามีเส้นทำด้วยหัวไช้เท้าขูดฝอย, มีเนื้อล็อบสเตอร์ อร่อยดีไม่คาวกลมกล่อม
〰️สเต็กเนี้อนกกระจอกเทศ สั่งความสุกปานกลาง ชิ้นเนื้อนุ่มมากไม่มีมันเลย มีมูสบร๊อคโคลี่,น้ำมันมะกอกมาเสริมรสชาติและความอร่อย
〰️"นโปเลียน" ปิดคอร์สด้วยของหวานที่เป็นเมนูสร้างชื่อของห้องอาหารตั้งแต่ที่ฝรั่งเศส อร่อยมากชอบจานนี้มากที่สุดในมื้อ แผ่นแป้งพัฟแต่ละชั้นบางกรอบ ครีมนุ่มละมุนไม่หวานมากตัดรสด้วยสตอเบอรี่สดๆรสอมเปรี้ยวเล็กๆ มันครบอ่ะทั้งรสชาติ,รสสัมผัส😋😋
✔ส่วนตัวไม่ค่อยนิยมอาหารฝรั่งเศสมากนัก ซื้อดีลไปทานหลายที่แล้วบอกตรงๆว่าทานไม่หมดซักที่ แต่ที่ห้องอาหารแฌมทานหมดเกลี้ยงทุกเมนู
✔อาหารมีรายละเอียดมาจากไหน,ยังไงเลือกวัตถุดิบที่ดีมาปรุง ภาชนะที่เสิร์ฟทุกเมนูเป็นแบบรักษาอุณหภูมิอาหาร บริการดีเยี่ยมคอยเดินมาถาม มาชวนคุยเป็นระยะได้นั่งโซฟาสบายดีแต่ทานไม่ค่อยถนัด
✔ด้านความคุ้มค่าราคา 1599+ ได้ทานคอร์สเล็กๆของร้านระดับมิชลินสตาร์ ก็โอเคนะครับ
หลังจากตระเวนขับรถหลงไปมา เข้ามาตามซอยซอกหลืบ ในที่สุดเราก็มาเจอโอเอซิส โรงแรม U หรูหราท่ามกลางตึกราม ทำให้เห็นถึง contrast อย่างชัดเจน
ชั้น 2 ของโรงแรม เป็นที่ตั้งของร้าน J'aime ซึ่งเราได้ซื้อดีลเซ็ทอาหารไว้ในราคา ฿1,599++ ในเซ็ทอาหารประกอบด้วย
Starter หรือ appetizer เลือกเป็น Canadian Lobster Bisque Served Cabonara Style ซุปข้นที่มีกลิ่นอายความเป็นซีฟู๊ด หอมมัน รสละมุน มีเนื้อ lobster เด้งๆ หนึบๆ อร่อยมาก
Main course เราเลือก Pan-seared Ostrich Served With Sweet and Sour Vegetable Parmentier and Citrus หรือเว๊าง่ายๆ คือสเต๊กเนื้อนกกระจอกเทศ ซึ่งเราไม่เคยทานเนื้อนกกระจอกเทศในรูปแบบของสเต๊กมาก่อน
น้องพนักงานให้คำแนะนำว่า สั่งความสุกตามชอบได้เหมือนเนื้อวัวเลย เพราะเนื้อแทบไม่มีกลิ่นสาบเลย จึงสั่งมาเป็นแบบ rare เนื้อนกกระจอกเทศนี้ แม้ว่าจะมาจากฟาร์มเลี้ยงในประเทศไทย แต่การันตีเรื่องความสะอาด เป็นฟาร์มที่เลี้ยงเพื่อส่งออก
และสเต๊กเนื้อนกกระจอกเทศก็ทำออกมาได้ดีอย่างเหลือเชื่อ ความสุก rare สุกแค่ผิวๆ ลงไปไม่เกิน 3 มิลลิเมตร สีเนื้อสวยมาก เนื้อ lean มากๆ ไม่มีไขมันแทรก แต่ไม่เหนียว เนื้อนุ่มหนึบกำลังเคี้ยวอร่อย ไม่มีกลิ่นรบกวนประสาทสัมผัสเลย ชอบมากๆ
Dessert เลือกเป็น Mille-feuille "Napoleon" แม้ว่าเราจะไม่ค่อยนิยมของหวานสักเท่าไร แต่เมื่อได้ชิมเจ้า Mille-feuille ชิ้นนี้แล้ว บอกเลยว่ามัน irresistible มากๆ ชิมคำแรกแล้วมันหยุดไม่ได้จริงๆ ซัดจนเกลี้ยง บวกไปร่วมพัน KCal อร่อยฟินเว่อร์
ในเซ็ทมีตบท้ายด้วยชาหรือกาแฟ เราจึงสั่งกาแฟลาเต้ร้อนมาจิบถ้วยนึง กาแฟก็มิใช่ไก่กา แต่มีเมนูเมล็ดกาแฟมาให้เลือกตาม origin ที่ชื่นชอบด้วย เราจึงเลือก blend ที่มีกาแฟจากเอธิโอเปียผสม รสชาติออกมาตรงใจเลย
นอกจาก set ที่ซื้อมาก่อนแล้ว เรายังสั่ง lunch set มาอีกที่ ซึ่งเป็นเซ็ทที่ทางร้านจัดทำขึ้นในราคา ฿1,200 net โดยเราเลือก main course เป็นปลา (จำชนิดไม่ได้) เชฟปรุงได้อร่อยมากๆ เนื้อปลาสุกกำลังดี ไม่แข็งเกินไป หนังปลาปรุงรสเค็มเข้มนิดนึง เพื่อเพิ่มรสชาติให้เนื้อปลาซึ่งจืดกว่า กลิ่นคาวแรงๆของเนื้อปลาแทบไม่มีเลย ทำได้เพอร์เฟ็คท์มาก
ของหวานของเซ็ทนี้ รสชาติไม่ค่อยโดนใจสักเท่าไร แต่รูปแบบและการนำเสนอ เก๋ไก๋กระไดลิงมากๆ เริ่มจากเอาจานที่ทา white choc เป็นลายใบไม้มาวาง บนจานมีครัมโรยเป็นฐาน เสมือนว่าเป็นดิน จากนั้นพนักงานจะถือกระบะไม้เล็กๆ ที่ใส่ครัมมาเต็มๆ ใต้ผิวครัมจะมีก้อนขนมผิวสีน้ำตาลอ่อน ทำเป็นรูปหัวมันฝรั่ง เหมือนว่าขุดหัวมันฝรั่งสดๆ จากดินมาเสิร์ฟให้บนจาน ว๊าวมาก ส่วนรสชาติ เป็นรองรูปแบบและการนำเสนอ แต่ก็ได้ความประทับใจไปไม่น้อย
ร้านอาหารฝรั่งเศส ระดับ1 ดาวมิชลีน
ช่วงนี้เค้าจัดเป็น คอร์ส แบบ 5 7 และ 9 อย่าง แนะนำให้ไปลองชิมดู อร่อยสมชื่อมิชลีน
พนักงานสุภาพ บริการดี ราคาเหมาะสมกับคุณภาพอาหาร
ร้านอาหารตั้งอยู่ในโรงแรม ในซอยลึกพอสมควร
An error has occurred! Please try again in a few minutes